บทความ/สาระน่ารู้

          ถึงนักเขียนมือใหม่ มือเก่าทุกคน! คุณเคยเขียนบทความ แต่ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จอยู่หรือไม่? คุณกำลังต้องการวิธีการเขียนบทความให้น่าดึงดูด ให้น่าแชร์ และเป็นมิตรต่อ Google อยู่หรือไม่ คุณถูกที่แล้ว เพราะเราจะนำเสนอ 6 เทคนิคในการเปลี่ยนบทความของคุณให้เป็น ผลงานชิ้นเอก ตั้งแต่สร้างหัวเรื่องที่โดดเด่น เขียนบทนำที่น่าสนใจ ไปจนถึงการทำให้บทความของคุณติดหน้า 1 ใน Google เคล็ดลับและลูกเล่นเหล่านี้จะช่วยยกระดับงานเขียนของคุณ ดังนั้น นั่งลง หยิบปากกาและกระดาษ และเตรียมพร้อมที่จะจดบันทึกเกี่ยวกับวิธีต่าง ๆ เพื่อยกระดับงานเขียนของคุณ

ก่อนอื่นเลย มาทำความรู้จักองค์ประกอบของบทความที่ดี ควรจะมี 5 ส่วน ดังนี้

1. หัวเรื่อง (Headline/title)
2. บทนำ (Introduction)
3. เนื้อหา/ข้อความหลัก (Body/ main text)
4. บทสรุป (Conclusion)

หัวเรื่อง : มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดึงดูดผู้อ่านและสื่อสาร หัวเรื่องของบทความที่ดี ควรจะเป็นดังนี้

• เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของบทความ
• ดึงดูดความสนใจและให้ข้อมูล
• สะท้อนน้ำเสียงของบทความได้อย่างถูกต้อง
• ไม่เหมือนใคร และน่าจดจำ
• ปรับให้เหมาะสมสำหรับเครื่องมือค้นหา(SEO) ของ Google, Facebook, อื่นๆ

เทคนิคเขียนหัวข้อยังไง ให้คนหยุดอ่าน ที่คุณสามารถนำไปเขียนได้

• ใส่ตัวเลขคี่ ดีกว่าเลขคู่ เช่น 3 ช่องทาง สร้างรายได้กับศรีกรุงโบรคเกอร์
• สร้างความรู้สึก “ไม่อยากพลาดโอกาส” เช่น ซื้อประกันที่นี่ มีเงินคืนทุกปี แน่นอน
• บอกไปเลยว่าเกี่ยวกับอะไร บอกผลลัพธ์ที่เค้าจะได้ เช่น ทำธุรกิจ MGM กับศรีกรุงโบรคเกอร์ ง่ายๆ มีรายได้เข้าบัญชีทุกเดือน
• เล่นกับความสงสัย เช่น รายได้เป็นแสนต่อเดือน จากธุรกิจประกันภัยรถยนต์ ทำได้จริงเหรอ?
• แสดงให้เห็นว่าเราเข้าใจเค้า เช่น สิ้นเดือนทีไร น้ำตาจะไหล ทำงานอะไรถึงจะรวยเหมือนคนอื่นเสียที (เสมือนคนเขียนเป็นมนุษย์เงินเดือนจริงๆ )

ด้วยองค์และเทคนิคประกอบเหล่านี้ ชื่อบทความของคุณ ก็จะสามารถดึงดูดผู้อ่านให้คลิกและมีส่วนร่วมกับเนื้อหาของคุณ

บทนำ: ส่วนนี้ของบทความประกอบด้วยย่อหน้าที่มีความยาวปานกลาง บทนำคือที่ที่คุณอธิบายถึงความสำคัญของบทความของ บทนำยังเป็นที่ ที่ผู้อ่านตัดสินใจให้เวลากับบทความทั้งหมดหรือไม่ (หรือจะปิดหนี) ดังนั้นงานของคุณคือทำให้บทความน่าสนใจหรือเต็มไปด้วยคุณค่า จุดประสงค์ของการเขียนบทนำควรจะเป็นดังนี้;

• ให้ข้อมูลพื้นฐาน ให้ตรงกับหัวเรื่อง
• ดึงดูดความสนใจของผู้อ่านและดึงดูดพวกเขาให้อ่านต่อไป
• ระบุวัตถุประสงค์ของบทความให้ชัดเจน

บทนำควรดึงดูดใจ กระชับ แต่ก็ต้องเขียนให้ชวนติดตาม และไปอ่านในเนื้อหาหลักต่อ สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มต้นอย่างเข้มแข็งและสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านตั้งแต่แรกเห็น เพราะสิ่งนี้สามารถตัดสินได้ว่าพวกเขาจะอ่านต่อหรืออ่านเรื่อง

เนื้อหาหลัก: เป็นพื้นที่หลัก ที่คุณจะบอกประโยชน์ บอกวิธีแก้ปัญหา หรือให้รายละเอียด เติมเต็มทุกแง่มุมของหัวเรื่อง และสนับสนุนแนวคิดหลักของบทนำ ด้วยวิธีการแบบ 360 องศา และเขียนทั้งหมดลงไปอย่างมีรูปแบบ อาจแบ่งออกเป็นหลายย่อหน้าหรือหลายส่วน เนื้อหาหลักคือส่วนที่ยาวที่สุดและมีประโยชน์มากที่สุด ในจุดประสงค์เนื้อหาหลักควรจะเป็น ดังนี้

• นำเสนอข้อโต้แย้ง หลักฐาน ประโยชน์ วิธีแก้ไขปัญหา รายละเอียดและตัวอย่างเพื่อสนับสนุนในเรื่องนั้นๆ
• ขยายประเด็นหลักที่นำเสนอในบทนำ
• ให้การวิเคราะห์เชิงลึกและคำอธิบายของหัวข้อนั้น
• ถ่ายทอดข้อมูลและความรู้แก่ผู้อ่านอย่างเป็นระเบียบและง่ายต่อการติดตาม

          เนื้อหาหลักควรมีโครงสร้างที่ดี มีช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างย่อหน้าและส่วนต่าง ๆ ที่ชัดเจน และควรใช้ภาษาและน้ำเสียงที่สอดคล้องกับรูปแบบโดยรวมของบทความ ข้อมูลที่นำเสนอควรถูกต้องและเกี่ยวข้องกับหัวข้อ และควรอ้างอิงแหล่งที่มาอย่างเหมาะสมหากจำเป็น

บทสรุป: คือส่วนสุดท้ายของบทความ ที่สรุปประเด็นหลักและแนวคิดหลักของบทความ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงองค์ประกอบทั้งหมดของบทความเข้าด้วยกันและสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่าน (เพื่อให้เขาไปอ่านบทความอื่นๆ ของผู้เขียนต่ออีกด้วย) บทสรุปยังสามารถเสนอข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำ หรือมุมมองในอนาคตเกี่ยวกับหัวเรื่อง สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าบทสรุปนั้นเขียนไว้อย่างดีและเน้นประเด็นสำคัญจากบทความเพื่อให้แน่ใจว่าผู้อ่านจะเข้าใจหัวข้อนั้นอย่างชัดเจน

4 เทคนิคที่จะทำให้บทความของคุณน่าสนใจและประสบความสำเร็จ

          ปัจจุบันเป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร มีข่าวและบทความเยอะแยะมากมายในแต่ละวัน ถ้าคุณเป็นนักเขียน คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่างานเขียนของคุณโดดเด่นกว่าของคนอื่น ฟังดูอาจจะยาก แต่เรามีแนวทางละเคล็ดลับง่ายๆ สำหรับคุณ ในการผลิตงานเขียนที่โดดเด่น และน่าสนใจ

1. การค้นคว้า หาไอเดีย

          สำหรับงานเขียนที่ดี การค้นคว้าเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ไม่ว่าคุณจะเขียนบทความเรื่องใด คุณจะต้องมีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ เสมอ เพื่อให้งานเขียนมีความถูกต้อง หรือถ้าคุณเข้าใจในเรื่องที่จะเขียน จะสามารถเรียบเรียงออกมาได้น่าอ่านมากกว่า (คนอ่านเขาดูออกนะ)

แนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับค้นคว้า มีดังนี้

• อ่านบทความดีๆ อื่นๆ ของคนอื่นในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง มากกว่า 2 เรื่อง
• รู้จักใช้ keyword จาก Google Trend, Related searches มาเป็นประเด็นในการเขียน
• ต้องคิดหัวเรื่อง หลายๆ หัวข้อ แล้วเลือกเพียงข้อที่ดี ที่เหมาะสมที่สุด มาเขียนเป็นบทความ
• คำถามของลูกค้าและทีมทีมงาน ที่ถามถูกบ่อย ๆ สามารถนำมาเป็นประเด็นในงานเขียนได้

โดยสรุป ควรอ่านบทความดีๆ อย่างน้อย 2 บทความ ที่เกี่ยวกับบทความที่คุณกำลังสนใจ จะนอกจากนั้น ลองคิดหัวเรื่องหลายๆ อัน แล้วเลือกเรื่องที่ดีที่สุด โดยไม่ลืมว่าปัญหาของลูกค้า และ keyword จาก Google สามารถนำมาพัฒนาเป็นบทความชั้นดีได้

2. หัวเรื่อง และ 3 บรรทัดแรกสำคัญมาก

เนื่องจากผู้อ่านมีเวลาน้อยมาก ผู้อ่านจะสนใจแค่ 3-4 บรรทัดแรกเท่านั้น ดังนั้น หัวเรื่องของบทความและ 3 บรรทัดแรก (อาจจะเรียกกว่าคำโปรย หรือหัวข้อย่อยก็ได้) จะตัดสินว่าผู้อ่านจะอ่านบทความทั้งหมดหรือไม่ เคล็ดลับที่จะทำให้หัวข้อของคุณน่าสนใจ มีดังนี้

• การเขียนคำถามในหัวเรื่อง เช่น คุณปวดหัวอยู่กับการมีรายได้แบบเดือนชนเดือน อยู่ไหม?
• ให้แนวทางเชิงอุปมาอุปไมยกับหัวข้อ เช่น โอกาสก็เหมือนไอติม ไม่รีบกินเดี๋ยวก็ละลาย
• ชัดเจน ตรงประเด็น เช่น อยากรวย ต้องขายประกันภัย
• การเขียนหัวข้อที่ดูมีคุณค่า/เป็นประโยชน์ เช่น 5 อาชีพเสริม ที่มนุษย์เงินเดือนทำแล้วรุ่ง
• นำ keyword และ Related searches จาก Google Trend มาใส่ในหัวข้อ

3. รูปแบบการเขียน

          บทความที่ดีควรเรียบง่ายและครอบคลุมที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทความควรมีคุณค่าสำหรับแต่ละคน (เราต้องรู้ว่าจะเขียนให้ใครอ่าน ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเรา ไม่ใช่เขียนให้ทุกคนอ่าน) โดยใช้คำศัพท์ที่ฟังง่ายๆ เขียนประโยคที่เล็กและเข้าใจง่าย เขียนให้เหมาะกับอายุ และเพศของผู้อ่าน และเขียนให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวคุณ

          อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า จำนวนบทความบนอินเทอร์เน็ตมีมากมายเท่าที่จะรับได้ ทำให้ผู้อ่านอดใจรอไม่ได้หากพวกเขาไม่เห็นคุณค่าจากบทความของคุณ ผู้คนจะเลื่อนหนี ปิดหน้าบทความของคุณ หากพวกเขาไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังสื่อออกไป (ใช้เวลาแค่เสี้ยววินาที) ดังนั้น แนวทางที่ดีที่สุด คือการอธิบายคำที่ยากหรือไม่ใช้คำที่ไม่จำเป็น

          สไตล์การเขียนขึ้นอยู่กับประเภทของบทความของคุณด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการให้บทความติดหน้า 1 ใน Google คุณต้องใช้เทคนิค หรือคำศัพท์ดิจิทัล สำหรับงานเขียนเพื่อเป็นมิตรกับ SEO หรือ Search engine optimization และต้องมีจำนวน keyword หนาแน่นในเนื้อหา มากกว่าการเขียนบทความทั่ว ๆ ไป

สรุปรูปแบบการเขียน ที่ควรจะเป็น;

• ใช้ภาษาที่ง่าย
• เขียนประโยคที่ครอบคลุมและสั้น
• เขียนตามมุมมองของผู้อ่าน
• ใช้คำศัพท์ดิจิทัล ที่เฉพาะแจะจง

4. บทนำต้องน่าสนใจ

หลังจากหัวเรื่อง สิ่งที่กำหนดว่าผู้อ่านส่วนใหญ่จะอ่านบทความของคุณหรือไม่ ขึ้นอยู่กับส่วนแรกของบทความ บทนำที่ดีมักเป็นย่อหน้าเล็ก ๆ ที่มีข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับบทความต่อไปนี้

• อธิบายปัญหา (หากคำตอบของคุณอยู่ในบทความ) ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของคุณ
• เริ่มด้วยการถามคำถามเป็นชุด ๆ
• เริ่มต้นด้วยเรื่องสมมติหรือเรื่องจริงเพื่อสร้างความสนใจของผู้อ่าน
• ระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบางหัวข้อที่อยู่ในบทความของคุณ
• ใช้ความมหัศจรรย์ของคำคมที่มีชื่อเสียงหรือสร้างสรรค์

1. ใช้ช่องว่าง

เพื่อให้บทความของคุณชัดเจนที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ให้ใช้ช่องว่าง การเว้นวรรค ในหัวข้อย่อย ย่อหน้า ตาราง และรูปภาพมาเป็นองค์ประกอบของบทความ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กับบทความของคุณ

• ใช้ Bullet Points: เป็นเรื่องปกติที่ผู้อ่านจะไม่อ่านประโยคยาวๆ หากมี Bullet Points จะทำให้ผู้อ่านหยุด ดังนั้นใช้ควรสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยทุกครั้งที่ทำได้
• ใช้หัวเรื่องย่อย: แบ่งบทความของคุณออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพราะหากผู้อ่านคาดเดาเนื้อหาในเรื่อยย่อยอันไหนได้ ผู้อ่านสามารถข้ามไปอ่านยังประเด็นถัดไปได้ง่ายๆ
• ย่อหน้าเล็ก: ให้พื้นที่บทความของคุณ ด้วยการเว้นบรรทัดหลังย่อหน้า ก็จะทำให้บทความเด่นกว่าเขียนเท่ากันเหมือนไม่บรรทัด

1. การใช้รูปภาพมาประกอบบทความ สร้างความโดดเด่นได้

          การใช้รูปภาพสามารถเพิ่มความน่าสนใจได้ และทำให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมมากขึ้น เนื้อหาภาพ เช่น รูปภาพและกราฟิก สามารถช่วยแบ่งข้อความและทำให้บทความอ่านง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยอธิบายแนวคิดและแนวคิดที่ซับซ้อน นอกจากนี้ รูปภาพยังช่วยให้บทความน่าจดจำยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้คนมักจะจำข้อมูลที่มาพร้อมกับสื่อภาพ เมื่อเลือกรูปภาพ สิ่งสำคัญคือต้องเลือกรูปภาพที่มีคุณภาพสูง เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบทความ และมีคำอธิบายประกอบและให้เครดิตอย่างเหมาะสม

          การใช้ภาพในบทความของคุณ ทำให้คุณสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยทำให้เนื้อหาของคุณดูน่าดึงดูด น่าจดจำ น่าแชร์ และที่สำคัญสามารถช่วยปรับปรุง SEO ของให้เนื้อหาของคุณอีกด้วย

          Canva เป็นแอปแก้ไขรูปภาพยอดนิยม Canva มีเทมเพลตและเครื่องมือออกแบบมากมายที่ สามารถช่วยคุณสร้างกราฟิก อินโฟกราฟิก และองค์ประกอบภาพอื่นๆ เพื่อประกอบกับเนื้อหาที่คุณเขียนได้

สรุปได้ว่า การเขียนบทความให้น่าสนใจและประสบความสำเร็จนั้น บทความที่ดีจะต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วน ทั้ง 5 องค์ประกอบ และต้องใช้เทคนิคต่างๆ มาผสมผสานกันกับเทคนิค 6 ข้อที่กล่าวถึงในบทความนี้ คงจะสามารถสร้างบทความที่ดึงดูดผู้อ่านให้กับบทความของคุณได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชมที่เพิ่มขึ้น การจัดอันดับของ Google ที่สูงขึ้น หรือทั้งสองอย่าง อย่าลืมให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ และคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณเสมอในขณะที่คุณเขียน ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

        ทราบหรือไม่ว่า Srikrungexpo.com มีระบบแบ่งรายได้ให้กับนักเขียน คุณสามารถเขียนบทความตามหมวดหมู่ที่กำหนด หากงานเขียนของคุณได้รับอนุมัติ จะได้รับโบนัสและรายได้จากจำนวนยอดอ่าน ยิ่งบทความมีคนอ่านเยอะ หรือมีคนแชร์เยอะ คุณก็มีสิทธิได้รับรายได้เยอะ สนใจเขียนบทความเพื่อรับรายได้ คลิกลงทะเบียนที่นี่..

         ศรีกรุงโบรคเกอร์ เป็นโบรคเกอร์ประกันครบวงจร ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 48 แห่ง มีพันธมิตร มากกว่า 50 บริษัท มีพนักงานประจำที่จะคอยสนับสนุนนายหน้าประกันภัย มากกว่า 600 คน มีบริการเช็คเบี้ย แจ้งงาน 7 วัน 24 ชั่วโมง มีระบบฝึกอบรมมากกว่า 20 หลักสูตร ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะในต่านต่างๆ อย่างครองคลุม

         ศรีกรุงโบรคเกอร์เป็นหนึ่งในโบรคเกอร์ ที่ คปภ.คัดเลือก ให้เป็นโบรคเกอร์ดีเด่น 2 ปีซ้อน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพภายในองค์กร มีฐานะการเงินที่มั่นคง รวมทั้งดำเนินธุกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและมีธรรมาภิบาล

         นอกจากนี้ ศรีกรุงโบรคเกอร์ยังมีแผนการตลาดที่สุดยอด ไม่บังคับยอดขาย ตำแหน่งขึ้นแล้วไม่มีลง สามารถรับรายได้เดือนละเป็นแสนบาท/เดือน จากการสร้างและบริหารทีมขาย ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริษัทในด้านตางๆ ตลอดจนความเป็นเลิศและความทุ่มเทในการให้บริการลูกค้า ศรีกรุงโบรคเกอร์จึงเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับที่ต้องการจะทำธุรกิจประกันภัย