Total Loss ความเสียหายสิ้นเชิง

Total Loss ความเสียหายสิ้นเชิง

          การคืนทุนประกันภัย เป็นคำศัพท์ที่ใช้ในวงการประกันภัย คำศัพท์อย่างเป็นทางการคือ

ความเสียหายอย่างสิ้นเชิง (Total Loss)

          Total Loss ความเสียหายอย่างสิ้นเชิง เป็นคำที่ใช้เพื่ออธิบายถึงสภาวะที่รถยนต์เสียหายสูงถึงขั้นที่ไม่สามารถซ่อมได้โดยที่ค่าซ่อมแซมมีค่าสูงเกินกว่ามูลค่าของรถยนต์ตัวเอง กล่าวคือถ้าค่าซ่อมแซมรถยนต์มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับมูลค่าที่ตลาดประเมินให้กับรถยนต์ แล้วก็ถือว่าเป็น Total Loss

 

           รถยนต์เสียหายอย่างสิ้นเชิงตามคู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ออกตามคำสั่งนายทะเบียนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)หมายถึง รถยนต์เสียหายจนไม่อาจซ่อมให้อยู่ในสภาพเดิมได้ อาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น การชนกับรถยนต์อื่น วัตถุอื่น การชนกับสิ่งกีดขวาง หรือภัยธรรมชาติที่เข้ามากระทบกับรถยนต์ เช่น น้ำท่วม, ไฟไหม้ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมไม่น้อยกว่าร้อยละ70 หรือ 70% ของมูลค่ารถยนต์ในขณะที่เกิดความเสียหาย

          หากรถยนต์คันนั้นได้ทำประกันภัยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 หรือ 80 % ของมูลค่ารถยนต์ในขณะเอาประกันภัยแล้ว บริษัทประกันภัยมีหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ (แต่กรณีที่มีการออกเอกสารแนบท้าย ร.ย.24 ระบุชื่อผู้รับประโยชน์ไว้แล้ว บริษัทจะต้องจ่ายให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามส่วนได้เสียก่อน)

 

          ตัวเลขที่ใช้ประเมิณ 70% หรือ 80% ใช้ตอนไหนกันแน่ และเมื่อตีเป็น Total Loss แล้วต้องคืนซากให้บริษัทประกันภัยหรือไม่ อย่างไร มาดูกัน

          รถราคาตลาดราคา 1,000,000 บาท ปกติบริษัทประกันจะรับประกันที่ทุน 800,000 บาท ตัวเลข 80% ใช้ตรงนี้ (เอาหนึ่งล้านคูณแปดสิบหารหนึ่งร้อย)

          ถ้าค่าซ่อมถึง 560,000 บาท ตัวเลข70% ใช้ตรงนี้ (เอาแปดแสนจากทุนประกันคูณเจ็ดสิบหารหนึ่งร้อย) แบบนี้ตีเป็น

Total loss กรณีทำทุนสูงพอ 80% ควรคืนซาก (การคืนซากคือขายซากรถให้บริษัทประกันโดยรับเงินคืนทุนประกัน)

          ในกรณีรับค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนตามที่กล่าวไว้ในวรรคต้นนั้น ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับผลประโยชน์แล้วแต่กรณี จะต้องโอนรถยนต์ให้แก่บริษัทด้วย โดยบริษัทประกันจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนนั้นทั้งหมด ไม่ว่าค่าธรรมเนียมการโอน ตลอดจนค่าภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย และความคุ้มครองตามกรมธรรม์จะสิ้นสุดลงทันที

          แต่ในทางตรงกันข้าม หากไม่ต้องขายซากรถให้กับบริษัทประกัน จะนำซากรถไปจัดการเอง ผู้เอาประกันจะได้รับค่าสินไหมลดลงจากเดิม มูลค่าของเงินที่จะได้รับไม่ถึง70% ของมูลค่ารถ เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีการจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายมากกว่า70% จะเป็นการไปเข้าหลักเกณฑ์ตามสัญญารถเสียหายสิ้นเชิงที่ต้องคืนทุนประกันทั้งหมด ซึ่งความคุ้มครองตามกรมธรรม์จะสิ้นสุดลงเช่นเดียวกัน

          การทำประกันรถยนต์เป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ของเราในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้รถยนต์ในการเดินทางทุกวัน การทำประกันรถยนต์จึงเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และเลือกซื้อกรมธรรม์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง?รวมไปถึงความเสียหายสิ้นเชิงของรถยนต์ด้วย ซื้อประกันภัยรถยนต์ใช่ว่าจะซื้อกับใครก็ได้ ประกันที่ดีต้องมีคนดูแล

         ศรีกรุงโบรคเกอร์ เป็นโบรคเกอร์ประกันครบวงจร ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 48 แห่ง มีพันธมิตร มากกว่า 50 บริษัท มีพนักงานประจำที่จะคอยสนับสนุนนายหน้าประกันภัย มากกว่า 600 คน มีบริการเช็คเบี้ย แจ้งงาน 7 วัน 24 ชั่วโมง มีระบบฝึกอบรมมากกว่า 20 หลักสูตร ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะในต่านต่างๆ อย่างครองคลุม

         ศรีกรุงโบรคเกอร์เป็นหนึ่งในโบรคเกอร์ ที่ คปภ.คัดเลือก ให้เป็นโบรคเกอร์ดีเด่น 2 ปีซ้อน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพภายในองค์กร มีฐานะการเงินที่มั่นคง รวมทั้งดำเนินธุกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและมีธรรมาภิบาล

         จ่ายแพงกว่าทำไม? วันนี้ศรีกรุงโบรคเกอร์ มอบสิทธิพิเศษ เพียงสมัครสมาชิกกับบริษัท รับส่วนลดจากการซื้อประกันภัยตลอดชีพ มากกว่า 35 บริษัท

สมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ เพื่อซื้อประกันราคาสมาชิก รับส่วนลดตลอดชีพ โทร 0871463000