ค่าเสียหายส่วนแรก Deductible และ Excess ต่างกันอย่างไร

ค่าเสียหายส่วนแรก Deductible และ Excess ต่างกันอย่างไร

         

          เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่รู้ หรือไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน  หรือบางคนอาจจะพอรู้บ้างแล้ว แต่อาจเรียกสับสน หรือใช้คำผิด หรืออาจจะจำสับสน ในเรื่อง "ค่าเสียหายส่วนแรก" นี้

          สำหรับคนใช้รถคงน่าจะเคยได้ยินเรื่อง “ค่าเสียหายส่วนแรก” กันมาบ้างสำหรับผู้ทำประกันภัยรถยนต์ ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกหรือค่า Excess นี้ไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว เพราะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท และเงื่อนไขการจ่ายก็ยังแตกต่างกันออกไปอีกด้วย ดังนั้นคนใช้รถจึงต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่าค่าเสียหายส่วนแรกทำไมต้องจ่าย และต้องจ่ายในกรณีเคลมแบบไหนบ้าง
         

          ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าประเภทของค่าเสียหายส่วนแรกมีอะไรบ้าง

          1. ค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจ (Deductible) หรือเรียกสั้นๆว่า(DD)คือ จำนวนเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ชัดเจนว่าผู้ขับขี่ต้องชำระหากมีการเคลมประกันเกิดขึ้น โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ1,000 ถึง 5,000 บาท โดยค่า DD นี้จะขึ้นอยู่กับข้อตกลงตามเงื่อนไขสัญญาของกรมธรรม์ เช่น ทำประกันที่มีค่า DD จำนวน 4,000 บาท เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่คุณเป็นฝ่ายผิด รวมความเสียหาย 10,000 บาท คุณจะต้องจ่ายค่า DD ทั้งหมด 4,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 6,000 บาท จะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของบริษัทประกัน  โดยข้อดีของประกันรถยนต์ที่มี DD ก็คือ ราคาจะถูกลง ช่วยประหยัดเงินในการซื้อประกันรถยนต์ลงได้ส่วนหนึ่ง แต่เหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญและหรือมีประสบการณ์ในการขับรถที่ค่อนข้างดี ขับขี่ปลอดภัยอยู่แล้ว

          อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุแล้ว แต่ยังไม่ได้แจ้งเคลมในทันที หากต้องการเคลมประกันเมื่อไหร่ ก็ต้องดำเนินการชำระค่าเสียหายส่วนแรกตามที่ตกลงไว้ก่อนจึงจะสามารถดำเนินการซ่อมรถและเคลมประกันได้ 

          2. ค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ ( Excess) คือ จำนวนเงินที่ต้องชำระเพิ่มเมื่อเคลมประกันชั้น1 หรือเคลมประกันที่คุ้มครองเต็มจำนวน
(แบบไม่มีคู่กรณี )เช่น กรณีรถเกิดรอยขีดข่วน ชนรั้วบ้าน กระถางต้นไม้หล่นใส่ เบียดกำแพง หรือต้นไม้ล้มทับ เป็นต้น
ค่าExcess นี้ จึงเป็นค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ โดยเป็นข้อกำหนดตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ซึ่งบังคับเก็บไม่ว่าคุณจะทำประกันรถยนต์ประเภทไหนก็ตาม โดยเป็นการเรียกเก็บในกรณีที่คุณเคลมจากอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี หรือ มีเหตุให้สงสัยว่าจะเป็นการเคลมแห้ง โดยบริษัทประกันภัยจะเรียกเก็บตามจำนวนครั้งที่เคลม (ไม่ใช่จำนวนจุดที่เคลม)

          ซึ่งค่า Excess ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ1,000 ถึง 3,000 บาท
ตัวอย่างอุบัติเหตุที่ต้องชำระค่า Excess ที่สามารถเห็นได้บ่อย ๆ คือ ยางระเบิดเพราะขับไปเหยียบเศษแก้ว,ตะปู หรือสิ่งมีคมอื่น ๆ หรือมีรอยขีดข่วนบนตัวถังที่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือ การเกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถตกหลุมบนถนน หรือตกท่อระบายน้ำ ก็เข้าข่ายกรณีอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีได้เช่นกัน

          จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจ(Deductible)นั้นเป็นข้อตกลงที่ผู้ทำประกันยอมจ่ายเพื่อความประหยัด เพราะยิ่งจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกสูง ก็ยิ่งมีผลให้เบี้ยประกันถูกลง และถ้าหากเราขับรถดีมีวินัย ปลอดภัยอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ก็ถือว่าคุ้มค่า ช่วยให้ประหยัดเงินในกระเป๋าของเราได้เป็นอย่างดี

          ส่วนค่า Excess นั้นเป็นค่าเสียหายส่วนแรกที่จำเป็นต้องจ่ายอยู่แล้วหากต้องการเคลมเงินประกันเต็มจำนวน หรือเมื่อเกิดกรณีอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี หรือระบุคู่กรณีไม่ได้ แม้จะต้องเสียเงินก็ถือว่าช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาและช่วยลดภาระรายจ่ายได้บ้าง สำหรับอัตราค่าเสียหายส่วนแรกของบริษัทประกันแต่ละแห่งอาจแตกต่างกันออกไป รวมถึงเงื่อนไขการจ่าย การเคลม และข้อกำหนดเรื่องการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจรวมถึงค่า Excess ดังนั้นก่อนทำประกันภัยรถยนต์สักฉบับจึงต้องศึกษารายละเอียดความคุ้มครองให้ดีก่อน   นอกจากนี้ต้องไม่ลืมด้วยว่าในการขับรถนั้นต้องมีสติ ไม่ประมาท และขับรถอย่างระมัดระวังทุกครั้ง เพราะไม่ว่าอย่างไรการไม่เกิดอุบัติเหตุเลยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

          สุดท้ายนี้หวังว่าคุณคงเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่า การมี Deductible จะช่วยให้คุณจ่ายเบี้ยประกันถูกลงก็จริง แต่ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น(กรณีคุณเป็นฝ่ายผิด) ส่วนค่า Excess นั้น จะต้องจ่ายทุกครั้งเมื่อมีการเคลมแห้งเกิดขึ้น และที่สำคัญคือไม่สามารถหาคู่กรณีได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความรู้ที่คุณ ผู้ใช้รถ และผู้ที่ซื้อประกันภัยแต่ละประเภทควรรู้และเข้าใจในเรื่องนี้  และที่สำคัญอย่างยิ่ง คือการใช้รถใช้ถนน อย่างปลอดภัย+มีสติและไม่ประมาท ซึ่งเป็นการช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยลงด้วย

"ประกัน" มีแล้วไม่ได้ใช้ ย่อมดีกว่าถึงเวลาจะใช้แล้วไม่มี

         ศรีกรุงโบรคเกอร์ เป็นโบรคเกอร์ประกันครบวงจร ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 48 แห่ง มีพันธมิตร มากกว่า 50 บริษัท มีพนักงานประจำที่จะคอยสนับสนุนนายหน้าประกันภัย มากกว่า 600 คน มีบริการเช็คเบี้ย แจ้งงาน 7 วัน 24 ชั่วโมง มีระบบฝึกอบรมมากกว่า 20 หลักสูตร ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะในต่านต่างๆ อย่างครองคลุม

         ศรีกรุงโบรคเกอร์เป็นหนึ่งในโบรคเกอร์ ที่ คปภ.คัดเลือก ให้เป็นโบรคเกอร์ดีเด่น 2 ปีซ้อน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพภายในองค์กร มีฐานะการเงินที่มั่นคง รวมทั้งดำเนินธุกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและมีธรรมาภิบาล

         นอกจากนี้ ศรีกรุงโบรคเกอร์ยังมีแผนการตลาดที่สุดยอด ไม่บังคับยอดขาย ตำแหน่งขึ้นแล้วไม่มีลง สามารถรับรายได้เดือนละเป็นแสนบาท/เดือน จากการสร้างและบริหารทีมขาย ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริษัทในด้านตางๆ ตลอดจนความเป็นเลิศและความทุ่มเทในการให้บริการลูกค้า ศรีกรุงโบรคเกอร์จึงเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับที่ต้องการจะทำธุรกิจประกันภัย

ไม่มีประสบการณ์ หรือทำงานประจำ ก็ทำธุรกินี้ได้ ไม่มีหน้าร้าน ก็ทำธุรกิจนี้ได้ เราสอนทำธุรกิจฟรี สมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ เพื่อซื้อประกันราคาสมาชิก รับส่วนลดตลอดชีพ โทร 0891809438