เมื่อแบงค์ยักย์ใหญ่ล้ม !! ออมสั้น ผลตอบแทนสูง ด้วยประกันชีวิต ทางเลือกที่ต้องเลือก

เมื่อแบงค์ยักย์ใหญ่ล้ม !! ออมสั้น ผลตอบแทนสูง ด้วยประกันชีวิต ทางเลือกที่ต้องเลือก

             หลายคนคงได้ยินข่าว เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2566  แล้ว หลังสหรัฐฯ สั่งปิดกิจการ Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารที่เน้นให้บริการเงินกู้แก่บริษัทสตาร์ทอัพ หลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องรุนแรงจนลูกค้าแห่ถอนเงิน (Bank Run)  นับเป็นการล่มสลายของสถาบันการเงินใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2008

             การแห่ถอนเงิน เป็นเหตุการณ์ในระบบธนาคารเก็บเงินสดสำรองบางส่วน (fractional reserve banking) เกิดขึ้นเมื่อลูกค้าจำนวนมากพากันถอนเงินฝากจากสถาบันการเงินในเวลาเดียวกัน และเรียกให้คืนเงินฝากนั้นเป็นเงินสดหรือรูปแบบอื่น เช่น พันธบัตรรัฐบาล โลหะมีค่า หรือเพชรนิลจินดา เพราะเชื่อว่า สถาบันการเงินดังกล่าวมีหรืออาจมีหนี้สินล้นพ้นตัว เหตุการณ์เช่นนี้อาจส่งผลให้สถาบันการเงินไม่มีเงินสดอีกต่อไปและล้มละลายเฉียบพลัน

ที่มา : วิกิมีเดีย การแห่ถอนเงิน

             ประเทศไทยได้เรียนรู้อะไรบ้าง

             1.ถ้าธนาคารในประเทศไทยเกิดการแห่ถอนเงิน (Bank Run ) ประชาชนจะได้เงินฝากคืน ตามวงเงินคุ้มครองเงินฝาก* ปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ 1 ล้านบาท ต่อ 1 สถาบันการเงิน

วงเงินคุ้มครอง* :   หากสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากถูกเพิกถอนใบอนุญาต ผู้ฝากในสถาบันการเงินดังกล่าว จะได้รับเงินฝาก (เงินต้นและดอกเบี้ย) คืนจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากภายใต้วงเงินคุ้มครองที่กำหนด โดยจะคุ้มครองในลักษณะ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน (ไม่ใช่ต่อ 1 บัญชี) ซึ่งหมายถึง วงเงินสูงสุดที่ผู้ฝากที่มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากตามเอกสารการเปิดบัญชีจะได้รับเงินฝากคืน ในกรณีที่ผู้ฝากมีบัญชีเงินฝากหลายบัญชีที่เปิดอยู่กับสถาบันการเงิน 1 แห่ง จะต้องนำเงินฝาก (เงินต้นและดอกเบี้ย) ในทุกสาขาและทุกบัญชีของสถาบันการเงินแห่งนั้นมารวมคำนวณ ปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ 1 ล้านบาท

ที่มา : https://www.dpa.or.th/articles/view/covered-limit / สถาบันคุ้มครองเงินฝาก

            2. การลงทุนในพันธบัตร อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยเสมอไป เพราะหากเมื่อดอกเบี้ยขึ้นจะส่งผลในการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว และมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะขาดทุน

            3. การบริหารการเงิน และการบริหารความเสี่ยง มีความสำคัญมาก  การลงทุนจะต้องมีการกระจายความเสี่ยงในหลายๆช่องทางการลงทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

           เรามาดูกันว่าขณะที่เงินฝากประจำแม้ดอกเบี้ยสูง แต่หากถอนก่อนครบกำหนดอาจไม่ได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่ธนาคารประกาศไว้ และ ปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ 1 ล้านบาท* แต่หากเรา ออมเงินไว้กับประกันชีวิต แตกต่างกันอย่างไรบ้าง



           ดังนั้นการการเลือกเก็บออมต้องดูว่ารูปแบบการฝากเงินแบบไหนที่เหมาะสมกับตัวเรา  เพราะนอกจากจะได้รับดอกเบี้ยตามคาดหวังแล้ว จะต้องไม่เป็นภาระมากเกินไป และสามารถเบิกถอนออกมาใช้จ่ายได้กรณีฉุกเฉินหรือมีความจำเป็น 

             อีกทางเลือกหนึ่งคือ “การออมเงินกับประกันชีวิต” ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินประเภทหนึ่งที่นำมาใช้ในการจัดการความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดหรือบรรเทาความสูญเสีย หรือความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้กับใครคนใดคนหนึ่งอันเป็นผลเนื่องมาจากความเสี่ยง การวางแผนการประกันภัย (Insurance Planning) ประกอบไปด้วยการประกันภัยหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น การประกันชีวิต และการประกันสุขภาพ ออมเงิน ลงทุน  ฯลฯ

            ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักประกันชีวิตแต่ละประเภทกันก่อนว่ามีอะไรกันบ้าง แต่ละแบบมีประโยชน์และข้อจำกัดอย่างไร

ขอยกตัวอย่าง

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ หรือ Endowment


             ประกันชีวิตที่เน้นการออมเงินเพื่อไว้ใช้ในอนาคต ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว หากว่าเราเลือกประกันชีวิตแบบนี้ เราจะได้เงินคืนพร้อมกับอัตราผลตอบแทนที่มากกว่าเบี้ยที่เราจ่าย ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวจะเป็นผลตอบแทนที่แน่นอนตามที่บริษัทตกลงไว้ในสัญญา นอกจากนี้ยังได้รับความคุ้มครองชีวิตเหมือนประกันชีวิตแบบอื่นอีกด้วย

เหมาะสำหรับใคร?

  • คนที่ต้องการลงทุน แต่รับความเสี่ยงได้น้อย
  • คนที่ต้องการเก็บออมเงินไว้ใช้ในอนาคต
  • คนที่ต้องการความคุ้มครองควบคู่กับการออมเงิน

             วันนี้พี่บัวขอแนะนำ ตัวเลือกแบบประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ มาเป็นตัวเลือกเพื่อการออม วัตถุประสงค์คือไม่ขาดทุนเงินต้น และได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และออมกับประกันชีวิตแค่ครั้งเดียว แต่มีความคุ้มครองชีวิตยาวถึง 10 ปี   ยกตัวอย่าง บริษัทประกันที่เป็นพันธมิตร กับ ศรีกรุงโบรคเกอร์ประกันชีวิต 

 ข้อดีของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ

  • ประกันออมทรัพย์ : ออมเงินผลตอบแทนสูง พร้อมลดหย่อนภาษี พร้อมรับความคุ้มครอง และผลประโยชน์ที่คุ้มค่า มีเงินคืน และเงินปันผลตลอดสัญญา    

            สรุปแล้ว การลงทุนประเภทต่างๆ อย่าลงทุนกระจุกในที่ใดที่หนึ่ง  กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อไม่ทำให้ตัวนักลงทุนขาดทุนอย่างหนักจากการลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป กลยุทธ์นี้สามารถปรับใช้ได้กับนักลงทุนทุกรูปแบบ ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนในกองทุนหรือหุ้น หรือแม้กระทั่ง การฝากเงินกับธนาคาร และการออมในประกันชีวิต ก็เช่นกัน 

         ศรีกรุงโบรคเกอร์ เป็นโบรคเกอร์ประกันครบวงจร ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 48 แห่ง มีพันธมิตร มากกว่า 50 บริษัท มีพนักงานประจำที่จะคอยสนับสนุนนายหน้าประกันภัย มากกว่า 600 คน มีบริการเช็คเบี้ย แจ้งงาน 7 วัน 24 ชั่วโมง มีระบบฝึกอบรมมากกว่า 20 หลักสูตร ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อพัฒนาทักษะในต่านต่างๆ อย่างครองคลุม

         ศรีกรุงโบรคเกอร์เป็นหนึ่งในโบรคเกอร์ ที่ คปภ.คัดเลือก ให้เป็นโบรคเกอร์ดีเด่น 2 ปีซ้อน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพภายในองค์กร มีฐานะการเงินที่มั่นคง รวมทั้งดำเนินธุกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและมีธรรมาภิบาล

         นอกจากนี้ ศรีกรุงโบรคเกอร์ยังมีแผนการตลาดที่สุดยอด ไม่บังคับยอดขาย ตำแหน่งขึ้นแล้วไม่มีลง สามารถรับรายได้เดือนละเป็นแสนบาท/เดือน จากการสร้างและบริหารทีมขาย ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริษัทในด้านตางๆ ตลอดจนความเป็นเลิศและความทุ่มเทในการให้บริการลูกค้า ศรีกรุงโบรคเกอร์จึงเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับที่ต้องการจะทำธุรกิจประกันภัย

ไม่มีประสบการณ์ หรือทำงานประจำ ก็ทำธุรกินี้ได้ ไม่มีหน้าร้าน ก็ทำธุรกิจนี้ได้ เราสอนทำธุรกิจฟรี สมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ เพื่อซื้อประกันราคาสมาชิก รับส่วนลดตลอดชีพ โทร 0891809438